วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พัดลมคอมพิวเตอร์

ชนิดของพัดลม

พัดลมที่ใช้กันในเครื่องคอมพิวเตอร์ หลักๆ แล้วมีใช้อยู่ 3 แบบ คือ
  1. Sleeve Bearing
  2. 2-Ball Bearing
  3. 1-Ball Bearing + 1-Sleeve Bearing
จริงๆ แล้วยังมีแบริ่งอีกหลายแบบ แต่ละแบบก็มีคุณสมบัติต่างกันไป รับภาระแบบต่างๆ ได้มากน้อยต่างกัน ลองไปอ่านรายละเอียดดูได้ที่ How Stuff Works
โดยสรุป ถ้าใช้กับคอมพ์นั้น พัดลมแบบ 2-Ball Bearing ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อใช้กับจุดที่สำคัญๆ อย่างเช่นพัดลม CPU หรือพัดลม Power Supply ทั้งนี้เนื่องจากพัดลมแบบนี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทนความร้อนได้สูง และที่สำคัญที่สุดคือจะไม่เสียแบบอยู่ดีๆ ก็หยุดไปดื้อๆ เลย แต่จะเสื่อมคือความเร็วรอบค่อยๆ ลดลง พอมีเวลาให้สังเกตุความผิดปกติได้

มาดูหน้าตาแบริ่งแต่ละแบบกันดีกว่า (รูปจาก europeanthermodynamics.com)

แบบแรก คือ Sleeve Bearing

แบริ่งแบบนี้เป็นแบบที่ซับซ้อนน้อยที่สุด คือใช้ปลอกโลหะ (หรือเซรามิค) คั่นระหว่างแกนหมุนกับตัวเรือน โดยจะมีน้ำมันหล่อลื่นหล่อเลี้ยงปลอกโลหะนี้อยู่เสมอ
พัดลมคอมพ์ที่ใช้แบริ่งแบบนี้มีข้อดีคือผลิตง่าย ราคาถูก แล้วก็ทำงานเงียบ
ส่วนข้อเสียมีมากกว่าคือ อายุการใช้งานสั้น เนื่องจากตัวปลอกโลหะจะค่อยๆ สึกหรอจากการเสียดสี และที่สำคัญที่สุดคือถ้าน้ำมันหล่อลื่นเสื่อมสภาพ หรือว่ารั่วซึมออกมาถึงระดับหนึ่ง พัดลมจะหยุดหมุนไปเลย เนื่องจากแรงเสียดทานจะเปลี่ยนจากแรงเสียดทานของไหล (ระหว่างน้ำมันหล่อลื่นกับแกนหมุน) ซึ่งน้อย ไปเป็นแรงเสียดทานแบบเลื่อน ซึ่งมีค่ามากกว่ามาก นอกจากนั้นพัดลมแบบนี้ก็ทนความร้อนได้ไม่สูงนัก
ถ้าพัดลมแบบ Sleeve Bearing หยุดหมุน (แต่ยังไม่ไหม้) ให้สันนิษฐานได้ว่าน้ำมันหล่อลื่นรั่วซึ่ม ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้พัดลมตัวนี้ต่อไปอีก ให้ลองหยอดน้ำมันหล่อลื่นที่ตัวแบริ่งดู โดยลอกสติกเกอร์ที่ด้านหลังของพัดลม (ด้านที่ไม่ใช่ใบพัด) จะเห็นแกนหมุน ให้หยอดน้ำมันไปที่แกนนี้แล้วหมุนใบพัดซักพัก เมื่อพัดลมหมุนได้คล่องแล้ว ก็ให้น้ำสติกเกอร์มาปิดคืนให้แน่นเหมือนเดิม (ตรงนี้สำคัญ เพราะถ้าไม่ติดสติกเกอร์ น้ำมันจะซึมออกมาหมดเร็วขึ้น) พัดลมจะใช้งานต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง จนกวา่น้ำมันหล่อลื่นจะหมดอีกครั้ง (แต่ทางทีดีคือควรเปลี่ยนพัดลมตัวใหม่)

แบบต่อมาคือ 2-Ball Bearing
พัดลมแบบนี้จะใช้ตลับลูกปืนขนาดเล็ก 2 ตลับ เป็นตัวคั่นระหว่างแกนหมุนกับตัวเรือน
พัดลมแบบนี้มีอายุการใช้งานค่อนข้างนาน เพราะมีการสึกหรอน้อย เนื่องจากผิวสัมผัสน้อยมาก แรงเสียดทานที่เกิดก็น้อยมาก เพราะเป็นแรงเสียดทานแบบกลิ้ง นอกจากนั้นในกรณีที่สารหล่อลื่นเสื่อมหรือรั่ว พัดลมก็จะยังหมุนอยู่ได้ เพียงแต่จะหมุนช้าลง และสึกหรอมากขึ้นเท่านั้น มีโอกาสให้สังเกตเห็นความผิดปกติ และเปลี่ยนพัดลมได้ทัน นอกจากนี้พัดลมแบบนี้ยังทดความร้อนสูง เหมาะสำหรับใช้เป็นพัดลม CPU มาก
ข้อเสียของพัดลมแบบนี้คือราคาแพง และถ้าออกแบบไม่ดีเสียงจะดังกว่าพัดลมแบบอื่น
แบบสุดท้ายเป็นลูกผสม 1-Ball 1-Sleeve
แบบนี้ใช้ตลับลูกปื่น 1 ตลับ และใช้ sleeve bearing มาแทนที่ตลับลูกปืนอีกชุด เพื่อช่วยให้ราคาถูกลง คุณสมบัติก็จะอยู่ระหว่างสองแบบข้างบน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และรูปส่วนประกอบพัดลม ดูได้ที่ Digit-Life และ Cooler Master

ขนาดของพัดลม

อันนี้ตรงไปตรงมา คือพัดลมยิ่งใหญ่ ปริมาณลมก็จะยิ่งมาก สำหรับปริมาณลมค่าหนึ่ง พัดลมตัวใหญ่กว่าจะต้องการรอบน้อยกว่าพัดลมตัวเล็ก ทำให้เสียงดังน้อยกว่าด้วย พัดลม CPU รุ่นใหม่ๆ จึงมักเป็นพัดลมขนาดใหญ่ ที่ความเร็วรอบต่ำ
ที่น่าสังเกตุคือขนาดพัดลมต่างกันแค่นิดเดียว ปริมาณลมอาจจะต่างกันมาก เช่นพัดลม 50mm กับพัดลม 60mm ถ้าทำงานที่รอบเท่ากัน พัดลม 60mm อาจจะให้ปริมาณลมได้มากกว่าพัดลม 50mm ถึง 50% ทีเดียว

ยี่ห้อพัดลม

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว
พัดลมยี่ห้อต่อไปนี้ค่อนข้างดี และน่าเชื่อถือ
  • Sanyo Denki (ญี่ปุ่น) ยี่ห้อนี้มักมากับ heatsink Intel ยังไม่เคยเห็นแยกขายเป็นตัวๆ เงียบ และทนมาก
  • Delta (ไต้หวัน) ยี่ห้อนี้บางรุ่นทำในไทยด้วย (วิธีอ่าน Part Number) ที่เห็นขายกันส่วนมากจะเป็นพวกแรงๆ รอบสูงๆ (และเสียงดัง)
  • Nidec (ญี่ปุ่น) อันนี้มากับ heatsink Intel และยี้ห้ออื่นบางยี่ห้อ
  • NMB (Minebea, ญี่ปุ่น) (วิธีอ่าน Part Number)
  • YS Tech (ไต้หวัน) ยี่ห้อนี้ก็น่าจะใช้ได้ 
เครดิตจาก http://pongtawat.exteen.com/20060509/entry

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น